ผลกระทบของความตกต่ำของ PMI ในสหรัฐอเมริกาต่อตลาดหุ้นไทย

วันที่ 25 เมษายน 2567 บริษัทหลักทรัพย์กรุงศรีฯ ได้รายงานถึงสถานการณ์ในตลาดหุ้นไทยในวันนี้ โดยรายงานว่า SET Index เพิ่มขึ้น 8 จุด (+0.59%) และปิดที่ระดับ 1,357 จุด โดยนักลงทุนมีการเข้าซื้อหุ้น Big Cap ต่อเนื่อง โดยมีกลุ่มพลังงาน, ค้าปลีก, และอาหารเป็นผู้นำในการเพิ่มขึ้นของ SET Index วันนี้

แม้ว่าตลาดหุ้นไทยจะเห็นการเพิ่มขึ้นเล็กน้อย บล. กรุงศรีฯ ประเมินว่าแนวต้านยังคงอยู่ที่ระดับ 1,365/1,370 จุด ซึ่งเป็นสัญญาณบวกสำหรับตลาดหุ้นไทย

อย่างไรก็ตาม มีการรับรู้การปรับตัวของตัวชี้วัดการผลิต (PMI) ในสหรัฐอเมริกาที่ลดลง ที่ส่งผลให้บอนด์ยีลด์สหรัฐและเงินดอลลาร์อ่อนลง ซึ่งส่งผลต่อตลาดทางการเงินและสกุลเงินในทวีปเหนือ รวมถึงการมีแรงซื้อหุ้นรายตัวในตลาดหุ้นไทย

SET Index ได้แสดงการปรับตัวในทิศทางบวกโดยรับรู้การปรับตัวของตัวชี้วัดการผลิตและบริการ (PMI) ในสหรัฐที่ต่ำลงต่ำสุดในรอบ 4 เดือน ทำให้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาล (บอนด์ยีลด์) สหรัฐ และเงินดอลลาร์สหรัฐมีการอ่อนแอลง ราคาน้ำมันดิบก็มีการดิ่งตัวขึ้น รวมถึงมีแรงซื้อหุ้นรายตัวดักงบในไตรมาส 1/67 ซึ่งเป็นปัจจัยที่ช่วยบำรุงดัชนีในช่วงนี้

อย่างไรก็ตาม ควรระวังแรงขายที่อาจเกิดขึ้นตามสัญญาณเทคนิค เพื่อลดความเสี่ยง แนะนำให้เล่นรีบาวนด์ตามกรอบแนวต้านที่ระดับ 1,365/1,370 จุด

สรุปเหตุการณ์สำคัญในวันนี้

  • ดัชนี PMI ภาคการผลิตของสหรัฐเดือนเมษายนลดลง: ดัชนี PMI ภาคการผลิตของสหรัฐในเดือนเมษายนลดลงไปยังระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือนที่ 49.9 จาก 51.9 ในเดือนมีนาคม สิ้นสุดช่วงเวลาการเพิ่มขึ้นของกิจกรรมการผลิต
  • นักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง: จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงไปยังระดับต่ำสุดในรอบ 24 สัปดาห์ โดยลดลงมากถึง 22% เมื่อเปรียบเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า มีความเป็นไปได้ว่าเป็นผลของความไม่แน่นอนในเชิงการเมืองระหว่างประเทศและสิ้นสุดการเที่ยวเชิงประจำที่สงกรานต์
  • ค้าปลีก ครม. มีมติเห็นชอบในหลักการโครงการกระเป๋าเงินดิจิทัล: คณะรัฐมนตรีเห็นชอบหลักการของโครงการกระเป๋าเงินดิจิทัล โดยคาดว่ามันจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในช่วงปลายปีนี้ นำมาซึ่งผลกระทบบวกต่อธุรกิจค้าปลีกและบริษัทที่เกี่ยวข้อง เช่น CPALL TNP และ KK

ในวันนี้มีการแนะนำหุ้นสองตัวที่มีศักยภาพในการลงทุนดังนี้

ICHI (ปิด 17 ซื้อ/เป้า IAA Consensus 20 บาท)

  • ICHI ถูกแนะนำให้ซื้อ โดยมีเป้าราคาจาก IAA Consensus ที่ระดับ 20 บาท
  • มีมุมมองบวกต่อในตลาดหุ้น และคาดการณ์ผลประกอบการในไตรมาส 1/67 มีโอกาสที่จะทุบสถิติสูงสุดในรอบ 10 ปี ที่ระดับกำไรสุทธิ 330 ล้านบาท โดยคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 12% จากไตรมาสก่อนหน้า (เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว) และเพิ่มขึ้น 49% จากปีก่อนหน้านั้น (YoY)

MINT (ปิด 32.50 ซื้อ/เป้า 42 บาท)

  • MINT ถูกแนะนำให้ซื้อ โดยมีเป้าราคาจาก IAA Consensus ที่ระดับ 42 บาท
  • MINT เป็นหุ้นโรงแรมที่มีราคาถูกที่สุดในกลุ่ม และมีค่า EV/EBITDA ต่ำเพียง 8 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มอื่นๆ ถึง 13 เท่า
  • ธุรกิจโรงแรมในยุโรปเข้าสู่ช่วง High season ในไตรมาส 2-3 ในขณะที่ธุรกิจโรงแรมในประเทศไทยจะเข้าสู่ช่วง Low season

ใส่ความเห็น