นางสาวนลิน ฉัตรโชติธรรม นักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารซิตี้แบงก์ประเทศไทยได้กล่าวว่า จากผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 2/2567 ซึ่งคณะกรรมการฯ มีมติ 5 ต่อ 2 เสียงให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.50% ต่อปี นางนลินเห็นว่าเป็นการสะท้อนถึงความกังวลอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับปัจจัยด้านภาระทางการเงินของกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และภาคครัวเรือน รวมถึงสัญญาณบวกจากภาคการท่องเที่ยวและความไม่แน่นอนของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจซึ่งมีทั้งปัจจัยด้านบวกและลบ

เฉพาะการที่รัฐบาลได้ประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไม่นานมานี้ ได้แก่มาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์และมาตรการเติมเงิน 10,000 บาทผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัลวอลเล็ต อย่างไรก็ตาม ซิตี้แบงก์เห็นว่ากนง. ยังคงเปิดพื้นที่สำหรับการปรับนโยบายการเงิน โดยระบุว่าต้องติดตามต้องความไม่แน่นอนของปัจจัยเศรษฐกิจต่อไป โดยเฉพาะการส่งออก ซึ่งยังมีปัจจัยทางโครงสร้าง และปัจจัยความไม่แน่นอนของความต้องการจากคู่ค้า

นอกจากนี้ ซิตี้แบงก์ยังคาดว่า กนง. จะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ในการประชุมครั้งต่อไปวันที่ 12 มิถุนายน 67 และลดอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ในการประชุมวันที่ 21 สิงหาคม 67 จากความเสี่ยงขาลงต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ รวมถึงต้องติดตามว่าความเชื่อมั่นต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจไทยของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะเป็นไปตามคาดหรือไม่

“เป็นไปได้ว่า หากตัวเลขเศรษฐกิจไม่ย่ำแย่ลงธปท. อาจจะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพียง 0.25% ในปี 2567 โดยข้อมูลสำคัญที่ต้องติดตามคือ ตัวเลขจีดีพีไตรมาสที่ 1 การเติบโตของการส่งออก และการจ้างงานรายเดือน รวมไปถึงรายละเอียดและความชัดเจนของมาตรการดิจิทัลวอลเล็ต” นางนลินกล่าว

ในส่วนของการรับมือกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่สนับสนุนการซื้อที่อยู่อาศัยของกลุ่มผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง และผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์สำหรับกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อจำกัด ซิตี้เห็นว่ามาตรการดังกล่าวจะส่งผลเชิงบวกต่อเศรษฐกิจบ้าง แต่มาตรการส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 และปี 2568 โดยอุปสงค์และการลงทุน ยังจะขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่น ๆ เช่น การเติบโตของรายได้บุคคลและแนวโน้มเศรษฐกิจ

“ซิตี้ จึงคาดว่ามาตรการเหล่านี้ จะช่วยลดความเสี่ยงขาลงสำหรับการคาดการณ์การเติบโตของจีดีพีได้บ้าง (ซิตี้คาดการณ์ 3.0% ในปี 2567 และ 3.1% ในปี 2568) มากกว่าเป็นความเสี่ยงขาขึ้นสำหรับช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้” นางนลินกล่าว

ใส่ความเห็น