ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบสี่เดือน หลังข้อมูลเศรษฐกิจจีนออกมาดีเกินคาด ซึ่งช่วยหนุนความหวังว่าดีมานด์น้ำมันจะเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้การโจมตีโรงกลั่นน้ำมันของรัสเซียด้วยโดรนของยูเครนยังเป็นอีกปัจจัยที่หนุนราคาน้ำมัน

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ทะเลเหนือ เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 86 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หลังบวก 4% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส (WTI) อยู่ที่ระดับ 82 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หลังจีนรายงานว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมในช่วงเดือนม.ค.-ก.พ. เพิ่มขึ้น 7% ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 5% ส่วนยอดการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรในช่วงดังกล่าว เพิ่มขึ้น 4.2% สูงกว่าคาดการณ์ที่ 3.2%

“ปัจจัยหนุนส่วนใหญ่มาจากข้อมูลเศรษฐกิจของจีน” Giovanni Staunovo นักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์ของ UBS Group AG กล่าว “ข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคของจีน รวมถึงปริมาณการกลั่นน้ำมันและอุปสงค์น้ำมันที่มีแนวโน้มชัดเจน ล้วนเป็นปัจจัยเชิงบวก”

ขณะที่การโจมตีโรงกลั่นในรัสเซียด้วยโดรนของยูเครนเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีส่วนทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยสัญญาซื้อขายน้ำมันดีเซลล่วงหน้าปรับตัวสูงขึ้นเป็นวันที่สาม

ทางด้าน Vandana Hari ผู้ก่อตั้ง Vanda Insights ในสิงคโปร์ ระบุว่า “การหยุดงานประท้วงที่โรงกลั่นน้ำมันของรัสเซียทำให้ค่าชดเชยความเสี่ยง (Risk premium) น้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 2-3 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งยังคงทรงตัวในช่วงเริ่มต้นสัปดาห์นี้ ขณะที่มีการยกระดับการโจมตีในช่วงสุดสัปดาห์”